เกษตรอินทรีย์ กับ การปลูกต้นอะโวคาโด
เกษตรอินทรีย์ กับ การปลูกต้นอะโวคาโด>
เกษตรอินทรีย์ กับ การปลูกต้นอะโวคาโด
อะโวคาโด
ถือเป็นพืชเศรษฐกิจของไทยอีกชนิดหนึ่ง
หลายคนเข้าใจว่าผลไม้ชนิดนี้ถูกนำเข้ามาจากต่างประเทศ แต่รู้หรือไม่ว่า
ในประเทศไทยเราเอง
สามารถที่จะปลูกต้นอะโวคาโดได้และให้ผลผลิตดีไม่แพ้ต่างประเทศเลยทีเดียว
สำหรับต้นอะโวคาโดนั้น อาจอยู่นอกสายตาของเกษตรกรหลายๆ คน
แต่ปัจจุบันตลาดมีความต้องการสูงมาก และแทบไม่เพียงพอกับความต้องการ
สำหรับผลไม้ชนิดนี้คงไม่ต้องเอ่ยเรื่องสรรพคุณและคุณค่าทางอาหารกันมาก
เนื่องจากรู้อยู่แล้วว่าดีต่อร่างกายอย่างไร (ดูคุณสมบัติอะโวคาโดที่ wikipedia) แม้อะโวคาโดจะเป็นพืชเมืองหนาว
และต้องการความเย็นในการเจริญเติบโตและให้ผลผลิต
ดูเหมือนอาจไม่เหมาะกับสภาพอากาศบ้านเรานัก
แต่พื้นที่ปลูกที่พบชัดเจนในประเทศไทยกลับเป็นที่ปากช่อง ซึ่งสามารถให้ผลผลิตได้ดี
ไม่แพ้ในแถบพื้นที่ภาคเหนือเลยด้วยซ้ำ ปลูกต้นอะโวคาโด การปลูกอะโวคาโด
จุดแรกเริ่ม มาจากการนำเข้าพันธุ์มาทดลองปลูกและส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่
และขยายพื้นที่ปลูกอย่างจำกัดเฉพาะในพื้นที่เขตภาคเหนือ
ต่อมาความสนใจในการบริโภคจากกลุ่มคนรักสุขภาพมีมากขึ้น
จึงทำให้อะโวคาโดกลายเป็นผลไม้ที่มีความต้องการของตลาดสูงขึ้น ในขณะเดียวกัน
พื้นที่ปลูกอะโวคาโดยังมีน้อย ทำให้ผลผลิตไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด
การปลูกอะโวคาโด ให้ได้ผลดี
อะโวคาโดเป็นพืชที่ปลูกง่าย แทบไม่ต้องมีการดูแลมากมายอะไร
สามารถปลูกแซมในสวนผลไม้อื่นได้ ถ้าพันธุ์ที่ต้นเล็ก จะมีทรงพุ่มเล็ก
ก็จะสามารถปลูกโดยใช้ระยะปลูก 6 เมตรต่อ 1 ต้น หากเป็นพันธุ์ที่ต้นใหญ่จะใช้ระยะปลูก
8 เมตรต่อ 1 ต้น
เพื่อไม่ให้แออัดเกินไป เมื่อต้นสูงประมาณ 1 เมตร ก็ให้ปุ๋ยบ้าง 1-2
เดือนครั้ง อะโวคาโดเป็นพืชที่ต้องการน้ำสม่ำเสมอ หลังปลูกผ่านไป 3
ปี ก็สามารถให้ผลผลิตและเก็บเกี่ยวได้แล้ว
และจะให้ผลผลิตมากขึ้นเมื่ออายุ 5-6 ปี
สำหรับสวนของคุณสำเริง ที่ปากช่องนั้น ผลผลิตต้นหนึ่งอยู่ที่ประมาณ 400-500
กก. อะโวคาโดจะให้ผลผลิตประปรายตลอดทั้งปี
แต่จะมีผลผลิตมากในช่วงเดือน พ.ค.-ก.ย. หรือในช่วงฤดูฝน วิธีการปลูกต้นอะโวคาโด
เริ่มต้นจากการเพาะเมล็ด มี 3 แบบคือ
1. แบบทั่วไปทำง่าย
โดยการใช้ไม้จิ้มฟันเสียบรอบเมล็ดอะโวคาโด ไม้จิ้มฟันเป็นตัวค้ำยัน
แล้วจุ่มแช่น้ำเอาไว้จนกว่ารากจะงอก
2. แบบมีวัสดุช่วย คือห่อกระดาษชำระ
(ควรเลือกกระดาษชำระที่ไม่มีสารเคมีปนเปื้อน)
เพราะผู้เขียนทดลองแล้วหากกระดาษชำระมีสารเคมี (สารเพิ่มกลิ่นหอม/สารเพิ่มความขาว)
เมล็ดจะไม่งอกและจะเน่าไปเลย
โดยสามารถนำกระดาษชำระมาห่อเมล็ดเพียงครึ่งลูกแล้วจุ่มน้ำจนชุ่ม รอให้งอก
3. แบบมีวัสดุช่วยอื่นๆ
เช่น ขุยมะพร้าวหรือดินใส่ลงไปแล้วก็จัดการกดเมล็ดอะโวคาโดให้จมลงครึ่งลูก
รดน้ำให้ชุ่ม
ทั้ง 3 วิธีนี้เมื่อทำเสร็จแล้วให้จัดการปิดขวดจนกว่าจะมีรากและยอดแทงออกมาจากเมล็ดอะโวคาโด
จึงค่อยๆ เปิดฝาและเติมน้ำอย่าให้ขาด ระยะเวลารากงอกนั้น รอไปอีกสัก 2-3 เดือนเลย จนกว่ารากจะงอกออกมายาวและแข็งแรงพอ และมีใบอ่อนสัก 5-6 ใบ จากนั้นจึงจะสามารถนำไปปลูกลงดินหรือลงในกระถางได้ (ดูวิธี การเพาะเมล็ดแบบไม่ใช้ดิน
อื่น)
ขั้นตอนต่อไปเมื่อได้ต้นกล้าแล้ว
ควรจำไว้ว่า ต้นโวคาโดชอบแดดจัด (แต่ไม่ชอบร้อน)
จึงควรวางกระถางในที่ที่ได้รับแสงแดดเต็มวันในที่ๆ อากาศถ่ายเทสะดวกไม่อบอ้าว
หากอากาศร้อนเกินควรพรางแสงด้วยการวางกระถางไม้อื่นเพื่อช่วยเป็นพี่เลี้ยง
หรือปลูกลงดินในที่ๆ มีแสงไม่จัดมากก็ได้ ปลูกใต้ต้นมะละกอ หรือแซมในสวนผลไม้อื่น
หรือหาวัสดุมาพรางแสงมาบัง รดน้ำ 2 วันครั้ง ไม่ชอบน้ำแต่ไม่ควรให้ขาดน้ำ
รดน้ำไม่ให้แฉะและไม่ชื้นจนเกินไปรากจะเน่า ดินต้องระบายน้ำได้ดี
(แนะนำดินร่วนปนทรายผสมขุยมะพร้าวหรือกาบมะพร้าวสับ) การแยกต้นกล้าลงดิน
ไม่ควรให้น้ำท่วมราก รากจะเน่า ต้นอะโวคาโดหาน้ำเองเก่ง
หากเพาะเมล็ดให้เกิดรากแก้วจะดูแลง่ายกว่า
เมื่อต้นอ่อนในกระถางมีความสูงประมาณ
6-7 นิ้ว ให้ตัดยอดออก
เพื่อช่วยเร่งให้เกิดการแตกยอดใหม่ และเมื่อมีความสูงประมาณ 12 นิ้ว ก็ให้เด็ดยอดอ่อนออกให้แตกยอดใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จะได้ทรงพุ่มสวย
รอบโคนต้นไม่ควรมีวัชพืช เพราะจะมาแย่งอาหารหมด ต้นโตช้า
สูตรเร่งอะโวคาโดโตไว ให้ใช้ปุ๋ยสูตรที่มีตัวหน้าเยอะๆ
ผู้เขียนแนะนำปุ๋ยอินทรีย์จากผักตบชวา โดยนำผักตบชวามากองๆ สุมๆ
ไว้ให้ย่อยสลายเป็นบางส่วนแล้วนำมาเป็นวัสดุปลูก
จะทำให้ต้นอะโวคาโดติดยอดและให้ผลผลิตดี สูตรนี้ใช้ได้กับไม้ผลทุกชนิด
เกษตรอินทรีย์กับผลอะโวคาโด ผลดิบไม่สามารถรับประทานได้
เพราะมีสารแทนนินในปริมาณมากและมีรสขม
หากรับประทานในปริมาณมากอาจจะทำให้ปวดศีรษะได้
แต่สามารถนำไปใช้เลี้ยงสัตว์น้ำที่ต้องการสารแทนนินได้ เช่น สัตว์เปลือกแข็งเช่น
กุ้ง หอย ปู ที่ต้องการสารแทนนิน
เพื่อให้ส่งผลในการยับยั้งการขับถ่ายเป็นการชั่วคราว ลดอัตราการเกิดโรคขี้ขาว
(สารแทนนินมักจะมีอยู่ในผักผลไม้ที่มีรสฝาด ขม
แต่สามารถขจัดแทนนินได้ด้วยการทำให้มันสุก)
สายพันธุ์อะโวคาโด ปลูกพันธุ์ไหนได้ผลดี
1. พันธุ์ปีเตอร์สัน (Peterson) ลักษณะผลค่อนข้างกลม
มีขนาดเล็กถึงขนาดกลาง น้ำหนัก 200-300 กรัม
เนื้อผลสีเหลืองอมเขียว รสดีเมล็ดใหญ่อยู่ในช่องเมล็ดแน่น เป็นพันธุ์เบา
เก็บเกี่ยวผลได้ในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม
พันธุ์นี้เป็นพันธุ์ที่นิยมที่สุดและมีคุณสมบัติที่ดี
2. พันธุ์บูธ 7 (Booth-7) เป็นลูกผสมระหว่างเผ่ากัวเตมาลัน
และเวสต์อินเดียนผลลักษณะค่อนข้างกลม ขนาดกลาง น้ำหนัก 300-500 กรัม ผิวผลขรุขระเล็กน้อยสีเขียว เปลือกหนา เนื้อสีเหลืองอ่อน รสดี
เมล็ดขนาดกลาง มีไขมัน 7-14เปอร์เซ็นต์
ช่วงเก็บเกี่ยวผลประมาณเดือนกันยายน-ตุลาคม
3. พันธุ์บูธ 8 (Booth-8) ลักษณะผลรูปไข่
ขนาดเล็กถึงกลาง น้ำหนักประมาณ 270-400 กรัม
ผิวผลขรุขระเล็กน้อย สีเขียว เปลือกหนา เนื้อสีครีมอ่อนรสชาติพอใช้ มีไขมัน 6-12
เปอร์เซ็นต์ เมล็ดมีขนาดกลางถึงใหญ่อยู่ในช่องเมล็ดแน่น
ฤดูเก็บเกี่ยวประมาณเดือนกันยายน-ตุลาคม
4. พันธุ์แฮสส์ (Hass) เป็นพันธุ์การค้าอันดับ 1
ของโลก เป็นพันธุ์เผ่ากัวเตมาลัน ลักษณะผลรูปไข่ ผิวผลขรุขระมาก
ผิวสีเขียว เมื่อสุกอาจเป็นสีเขียวเข้มหรือม่วงเข้ม ผลมีขนาดเล็ก น้ำหนัก 200-300
กรัม เนื้อผลสีเหลือง มีไขมันประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์
เมล็ดมีขนาดเล็กถึงขนาดกลาง เก็บเกี่ยวผลได้ในเดือนพฤศจิกายนแต่พันธุ์แฮสส์
มีปัญหาหากความสูงจากระดับน้ำทะเลไม่เพียงพอจะทำให้ผลผลิตไม่ค่อยดี
การปลูกอะโวคาโด ในประเทศไทย
อโวคาโดเมืองปากช่อง
“สวนคุณสำเริง กลั่นกลิ่น เกษตรกรชาว อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
ที่สนใจอะโวคาโดมาตั้งแต่ 30 ปีที่แล้วและได้นำต้นมาทดลองปลูกที่สวนซึ่งก็เจริญเติบโตและให้ผลผลิตที่ดี
ประกอบหลายสิบปีก่อนนั้น
ทางสถานีวิจัยพืชสวนปากช่องก็ได้มีการนำพันธุ์อะโวคาโดมาทดลองปลูกเพื่อศึกษาวิจัยและส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกอย่พักหนึ่ง
แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจมาก เพราะตอนนั้นตลาดอะโวคาโดยังไม่เป็นที่รู้จัก ดังนั้น
คุณสำเริงซึ่งสนใจไม้ผลชนิดนี้อยู่แล้ว
จึงได้ไปนำพันธุ์อะโวคาโดจากสถานีวิจัยพืชสวนปากช่องและไปหาพันธุ์จากโครงการหลวงทางภาคเหนือมาทดลองปลูกอย่างต่อเนื่อง
จนทำให้มีต้นอะโวคาโดอยู่มากกว่า 500 ต้น
ที่ปลูกแซมไว้ในสวนน้อยหน่าเพชรปากช่อง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นต้นอายุ 8-10 ปี และในแต่ละปีอะโวคาโด 500 ต้นทำเงินให้กับคุณสำเริงไม่น้อยเลยทีเดียว”
ที่มา vigotech.co.th
ภาคใต้ก็ปลูกอะโวคาโดได้
ที่ชุมพร มีต้นอะโวคาโดในสวนผลไม้แบบผสมผสาน ของคุณทองทิม สีถาการ ที่จังหวัดชุมพร
สวนอะโวคาโดอยู่ในเนื้อที่กว่า 20 ไร่ เคยปลูกกาแฟมาก่อน แต่มีปัญหาดินเปรี้ยว
จึงเปลี่ยนมาเป็นปลูกผลไม้แบบผสมผสาน ปาล์ม ทุเรียน มังคุด และอะโวคาโด
โดยแก้ปัญหาเรื่องสภาพแวดล้อมโดยการปลูกแซมผลไม้ชนิดอื่น
และให้น้ำอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้งกรณีขาดน้ำฝน ในภาคใต้มีฝนตกชุกจึงไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องน้ำมากนัก
แต่ก็ใช้เวลานานถึง 3 ปีถึงให้ผลผลิต
สนใจปลูกอะโวคาโดในภาคใต้ ดูแบบอย่างที่สวน คุณทองทิม สีถาการ ที่บ้านเลขที่ 86
หมู่ 2 บ้านล่าง ตำบลเขาทะลุ อำเภอสวี
จังหวัดชุมพร
เกษตรอินทรีย์ กับ การปลูกต้นอะโวคาโด
ข้อควรจำ อะโวคาโด
เป็นไม้ผลที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ
ในการปลูกอะโวคาโดในเมืองไทยเพื่อให้ได้ผลผลิตที่ดีนั้น อาจเป็นไปได้ยาก
โดยเฉพาะพื้นที่ที่ไม่มีความเหมาะสมทั้งสภาพอากาศและแร่ธาตุที่จำเป็นในการปลูก
อาจจะทำให้ลำต้นแกร็นและเล็กและใช้ระยะเวลานานกว่าจะให้ผลผลิต แต่หากลองปลูกไว้ดูเล่นข้างบ้าน
ก็ให้ร่มเงาได้ดี
ภาพการเพาะเมล็ดอะโวคาโด อ้างอิงจาก chuchart9.wordpress.com / ภาพ-เรื่องบางส่วนจาก
www.homeidea.in.th เรียบเรียงใหม่โดย
นางสาววรรณวิลาส
ทิพย์มลสวัสดิ์ 5806401064
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น