เกษตรอินทรีย์ กับ การปลูกต้นอะโวคาโด

3| | |เกษตรอินทรีย์ กับ การปลูกต้นอะโวคาโด| | |4>

เกษตรอินทรีย์ กับ การปลูกต้นอะโวคาโด  

อะโวคาโด ถือเป็นพืชเศรษฐกิจของไทยอีกชนิดหนึ่ง หลายคนเข้าใจว่าผลไม้ชนิดนี้ถูกนำเข้ามาจากต่างประเทศ แต่รู้หรือไม่ว่า ในประเทศไทยเราเอง สามารถที่จะปลูกต้นอะโวคาโดได้และให้ผลผลิตดีไม่แพ้ต่างประเทศเลยทีเดียว สำหรับต้นอะโวคาโดนั้น อาจอยู่นอกสายตาของเกษตรกรหลายๆ คน แต่ปัจจุบันตลาดมีความต้องการสูงมาก และแทบไม่เพียงพอกับความต้องการ สำหรับผลไม้ชนิดนี้คงไม่ต้องเอ่ยเรื่องสรรพคุณและคุณค่าทางอาหารกันมาก เนื่องจากรู้อยู่แล้วว่าดีต่อร่างกายอย่างไร (ดูคุณสมบัติอะโวคาโดที่ wikipedia) แม้อะโวคาโดจะเป็นพืชเมืองหนาว และต้องการความเย็นในการเจริญเติบโตและให้ผลผลิต ดูเหมือนอาจไม่เหมาะกับสภาพอากาศบ้านเรานัก แต่พื้นที่ปลูกที่พบชัดเจนในประเทศไทยกลับเป็นที่ปากช่อง ซึ่งสามารถให้ผลผลิตได้ดี ไม่แพ้ในแถบพื้นที่ภาคเหนือเลยด้วยซ้ำ ปลูกต้นอะโวคาโด การปลูกอะโวคาโด จุดแรกเริ่ม มาจากการนำเข้าพันธุ์มาทดลองปลูกและส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และขยายพื้นที่ปลูกอย่างจำกัดเฉพาะในพื้นที่เขตภาคเหนือ ต่อมาความสนใจในการบริโภคจากกลุ่มคนรักสุขภาพมีมากขึ้น จึงทำให้อะโวคาโดกลายเป็นผลไม้ที่มีความต้องการของตลาดสูงขึ้น ในขณะเดียวกัน พื้นที่ปลูกอะโวคาโดยังมีน้อย ทำให้ผลผลิตไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด

การปลูกอะโวคาโด ให้ได้ผลดี อะโวคาโดเป็นพืชที่ปลูกง่าย แทบไม่ต้องมีการดูแลมากมายอะไร สามารถปลูกแซมในสวนผลไม้อื่นได้ ถ้าพันธุ์ที่ต้นเล็ก จะมีทรงพุ่มเล็ก ก็จะสามารถปลูกโดยใช้ระยะปลูก 6 เมตรต่อ 1 ต้น หากเป็นพันธุ์ที่ต้นใหญ่จะใช้ระยะปลูก 8 เมตรต่อ 1 ต้น เพื่อไม่ให้แออัดเกินไป เมื่อต้นสูงประมาณ     1 เมตร ก็ให้ปุ๋ยบ้าง 1-2 เดือนครั้ง อะโวคาโดเป็นพืชที่ต้องการน้ำสม่ำเสมอ หลังปลูกผ่านไป 3 ปี ก็สามารถให้ผลผลิตและเก็บเกี่ยวได้แล้ว และจะให้ผลผลิตมากขึ้นเมื่ออายุ 5-6 ปี สำหรับสวนของคุณสำเริง ที่ปากช่องนั้น ผลผลิตต้นหนึ่งอยู่ที่ประมาณ 400-500 กก. อะโวคาโดจะให้ผลผลิตประปรายตลอดทั้งปี แต่จะมีผลผลิตมากในช่วงเดือน พ.ค.-ก.ย. หรือในช่วงฤดูฝน วิธีการปลูกต้นอะโวคาโด เริ่มต้นจากการเพาะเมล็ด มี 3 แบบคือ



1. แบบทั่วไปทำง่าย โดยการใช้ไม้จิ้มฟันเสียบรอบเมล็ดอะโวคาโด ไม้จิ้มฟันเป็นตัวค้ำยัน แล้วจุ่มแช่น้ำเอาไว้จนกว่ารากจะงอก
2. แบบมีวัสดุช่วย คือห่อกระดาษชำระ (ควรเลือกกระดาษชำระที่ไม่มีสารเคมีปนเปื้อน) เพราะผู้เขียนทดลองแล้วหากกระดาษชำระมีสารเคมี (สารเพิ่มกลิ่นหอม/สารเพิ่มความขาว) เมล็ดจะไม่งอกและจะเน่าไปเลย โดยสามารถนำกระดาษชำระมาห่อเมล็ดเพียงครึ่งลูกแล้วจุ่มน้ำจนชุ่ม รอให้งอก
 3. แบบมีวัสดุช่วยอื่นๆ เช่น ขุยมะพร้าวหรือดินใส่ลงไปแล้วก็จัดการกดเมล็ดอะโวคาโดให้จมลงครึ่งลูก รดน้ำให้ชุ่ม


ทั้ง 3 วิธีนี้เมื่อทำเสร็จแล้วให้จัดการปิดขวดจนกว่าจะมีรากและยอดแทงออกมาจากเมล็ดอะโวคาโด จึงค่อยๆ เปิดฝาและเติมน้ำอย่าให้ขาด ระยะเวลารากงอกนั้น รอไปอีกสัก 2-3 เดือนเลย จนกว่ารากจะงอกออกมายาวและแข็งแรงพอ และมีใบอ่อนสัก 5-6 ใบ จากนั้นจึงจะสามารถนำไปปลูกลงดินหรือลงในกระถางได้ (ดูวิธี การเพาะเมล็ดแบบไม่ใช้ดิน อื่น)
                ขั้นตอนต่อไปเมื่อได้ต้นกล้าแล้ว ควรจำไว้ว่า ต้นโวคาโดชอบแดดจัด (แต่ไม่ชอบร้อน) จึงควรวางกระถางในที่ที่ได้รับแสงแดดเต็มวันในที่ๆ อากาศถ่ายเทสะดวกไม่อบอ้าว หากอากาศร้อนเกินควรพรางแสงด้วยการวางกระถางไม้อื่นเพื่อช่วยเป็นพี่เลี้ยง หรือปลูกลงดินในที่ๆ มีแสงไม่จัดมากก็ได้ ปลูกใต้ต้นมะละกอ หรือแซมในสวนผลไม้อื่น หรือหาวัสดุมาพรางแสงมาบัง รดน้ำ 2 วันครั้ง ไม่ชอบน้ำแต่ไม่ควรให้ขาดน้ำ รดน้ำไม่ให้แฉะและไม่ชื้นจนเกินไปรากจะเน่า ดินต้องระบายน้ำได้ดี (แนะนำดินร่วนปนทรายผสมขุยมะพร้าวหรือกาบมะพร้าวสับ) การแยกต้นกล้าลงดิน ไม่ควรให้น้ำท่วมราก รากจะเน่า ต้นอะโวคาโดหาน้ำเองเก่ง หากเพาะเมล็ดให้เกิดรากแก้วจะดูแลง่ายกว่า
                เมื่อต้นอ่อนในกระถางมีความสูงประมาณ 6-7 นิ้ว ให้ตัดยอดออก เพื่อช่วยเร่งให้เกิดการแตกยอดใหม่ และเมื่อมีความสูงประมาณ 12 นิ้ว ก็ให้เด็ดยอดอ่อนออกให้แตกยอดใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จะได้ทรงพุ่มสวย รอบโคนต้นไม่ควรมีวัชพืช เพราะจะมาแย่งอาหารหมด ต้นโตช้า
สูตรเร่งอะโวคาโดโตไว ให้ใช้ปุ๋ยสูตรที่มีตัวหน้าเยอะๆ ผู้เขียนแนะนำปุ๋ยอินทรีย์จากผักตบชวา โดยนำผักตบชวามากองๆ สุมๆ ไว้ให้ย่อยสลายเป็นบางส่วนแล้วนำมาเป็นวัสดุปลูก จะทำให้ต้นอะโวคาโดติดยอดและให้ผลผลิตดี สูตรนี้ใช้ได้กับไม้ผลทุกชนิด
เกษตรอินทรีย์กับผลอะโวคาโด ผลดิบไม่สามารถรับประทานได้ เพราะมีสารแทนนินในปริมาณมากและมีรสขม หากรับประทานในปริมาณมากอาจจะทำให้ปวดศีรษะได้ แต่สามารถนำไปใช้เลี้ยงสัตว์น้ำที่ต้องการสารแทนนินได้ เช่น สัตว์เปลือกแข็งเช่น กุ้ง หอย ปู ที่ต้องการสารแทนนิน เพื่อให้ส่งผลในการยับยั้งการขับถ่ายเป็นการชั่วคราว ลดอัตราการเกิดโรคขี้ขาว (สารแทนนินมักจะมีอยู่ในผักผลไม้ที่มีรสฝาด ขม แต่สามารถขจัดแทนนินได้ด้วยการทำให้มันสุก)


สายพันธุ์อะโวคาโด ปลูกพันธุ์ไหนได้ผลดี
1. พันธุ์ปีเตอร์สัน (Peterson) ลักษณะผลค่อนข้างกลม มีขนาดเล็กถึงขนาดกลาง น้ำหนัก 200-300 กรัม เนื้อผลสีเหลืองอมเขียว รสดีเมล็ดใหญ่อยู่ในช่องเมล็ดแน่น เป็นพันธุ์เบา เก็บเกี่ยวผลได้ในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม พันธุ์นี้เป็นพันธุ์ที่นิยมที่สุดและมีคุณสมบัติที่ดี
2. พันธุ์บูธ 7 (Booth-7) เป็นลูกผสมระหว่างเผ่ากัวเตมาลัน และเวสต์อินเดียนผลลักษณะค่อนข้างกลม ขนาดกลาง น้ำหนัก 300-500 กรัม ผิวผลขรุขระเล็กน้อยสีเขียว เปลือกหนา เนื้อสีเหลืองอ่อน รสดี เมล็ดขนาดกลาง มีไขมัน 7-14เปอร์เซ็นต์ ช่วงเก็บเกี่ยวผลประมาณเดือนกันยายน-ตุลาคม
3. พันธุ์บูธ 8 (Booth-8) ลักษณะผลรูปไข่ ขนาดเล็กถึงกลาง น้ำหนักประมาณ 270-400 กรัม ผิวผลขรุขระเล็กน้อย สีเขียว เปลือกหนา เนื้อสีครีมอ่อนรสชาติพอใช้ มีไขมัน 6-12 เปอร์เซ็นต์ เมล็ดมีขนาดกลางถึงใหญ่อยู่ในช่องเมล็ดแน่น ฤดูเก็บเกี่ยวประมาณเดือนกันยายน-ตุลาคม
4. พันธุ์แฮสส์ (Hass) เป็นพันธุ์การค้าอันดับ 1 ของโลก เป็นพันธุ์เผ่ากัวเตมาลัน ลักษณะผลรูปไข่ ผิวผลขรุขระมาก ผิวสีเขียว เมื่อสุกอาจเป็นสีเขียวเข้มหรือม่วงเข้ม ผลมีขนาดเล็ก น้ำหนัก 200-300 กรัม เนื้อผลสีเหลือง มีไขมันประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ เมล็ดมีขนาดเล็กถึงขนาดกลาง เก็บเกี่ยวผลได้ในเดือนพฤศจิกายนแต่พันธุ์แฮสส์ มีปัญหาหากความสูงจากระดับน้ำทะเลไม่เพียงพอจะทำให้ผลผลิตไม่ค่อยดี
 การปลูกอะโวคาโด ในประเทศไทย
                อโวคาโดเมืองปากช่อง “สวนคุณสำเริง กลั่นกลิ่น เกษตรกรชาว อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ที่สนใจอะโวคาโดมาตั้งแต่ 30 ปีที่แล้วและได้นำต้นมาทดลองปลูกที่สวนซึ่งก็เจริญเติบโตและให้ผลผลิตที่ดี ประกอบหลายสิบปีก่อนนั้น ทางสถานีวิจัยพืชสวนปากช่องก็ได้มีการนำพันธุ์อะโวคาโดมาทดลองปลูกเพื่อศึกษาวิจัยและส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกอย่พักหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจมาก เพราะตอนนั้นตลาดอะโวคาโดยังไม่เป็นที่รู้จัก ดังนั้น คุณสำเริงซึ่งสนใจไม้ผลชนิดนี้อยู่แล้ว จึงได้ไปนำพันธุ์อะโวคาโดจากสถานีวิจัยพืชสวนปากช่องและไปหาพันธุ์จากโครงการหลวงทางภาคเหนือมาทดลองปลูกอย่างต่อเนื่อง จนทำให้มีต้นอะโวคาโดอยู่มากกว่า 500 ต้น ที่ปลูกแซมไว้ในสวนน้อยหน่าเพชรปากช่อง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นต้นอายุ 8-10 ปี และในแต่ละปีอะโวคาโด 500 ต้นทำเงินให้กับคุณสำเริงไม่น้อยเลยทีเดียว” ที่มา vigotech.co.th
                ภาคใต้ก็ปลูกอะโวคาโดได้ ที่ชุมพร มีต้นอะโวคาโดในสวนผลไม้แบบผสมผสาน ของคุณทองทิม สีถาการ ที่จังหวัดชุมพร สวนอะโวคาโดอยู่ในเนื้อที่กว่า 20 ไร่ เคยปลูกกาแฟมาก่อน แต่มีปัญหาดินเปรี้ยว จึงเปลี่ยนมาเป็นปลูกผลไม้แบบผสมผสาน ปาล์ม ทุเรียน มังคุด และอะโวคาโด โดยแก้ปัญหาเรื่องสภาพแวดล้อมโดยการปลูกแซมผลไม้ชนิดอื่น และให้น้ำอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้งกรณีขาดน้ำฝน ในภาคใต้มีฝนตกชุกจึงไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องน้ำมากนัก แต่ก็ใช้เวลานานถึง 3 ปีถึงให้ผลผลิต สนใจปลูกอะโวคาโดในภาคใต้ ดูแบบอย่างที่สวน คุณทองทิม สีถาการ ที่บ้านเลขที่ 86 หมู่ 2 บ้านล่าง ตำบลเขาทะลุ อำเภอสวี จังหวัดชุมพร
เกษตรอินทรีย์ กับ การปลูกต้นอะโวคาโด
ข้อควรจำ อะโวคาโด เป็นไม้ผลที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ในการปลูกอะโวคาโดในเมืองไทยเพื่อให้ได้ผลผลิตที่ดีนั้น อาจเป็นไปได้ยาก โดยเฉพาะพื้นที่ที่ไม่มีความเหมาะสมทั้งสภาพอากาศและแร่ธาตุที่จำเป็นในการปลูก อาจจะทำให้ลำต้นแกร็นและเล็กและใช้ระยะเวลานานกว่าจะให้ผลผลิต แต่หากลองปลูกไว้ดูเล่นข้างบ้าน ก็ให้ร่มเงาได้ดี
 ภาพการเพาะเมล็ดอะโวคาโด อ้างอิงจาก chuchart9.wordpress.com / ภาพ-เรื่องบางส่วนจาก www.homeidea.in.th เรียบเรียงใหม่โดย

แหล่งที่มา www.kasetorganic.com
นางสาววรรณวิลาส  ทิพย์มลสวัสดิ์  5806401064







ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ทำไม? ต้องผักออแกนิค

"ปลูกอะไรถึงขายดี กำไรเยอะ"

ทำเกษตรบนคันดิน Hugelkultur