อาหารออร์แกนิก เพื่อสุขภาพที่ดีกว่า
อาหารออร์แกนิก
เพื่อสุขภาพที่ดีกว่า
เทรนด์คนรักสุขภาพ กำลังเป็นเทรนด์ที่ได้รับความสนใจจากคนทั่วโลก
โดยมุ่งไปที่เรื่องของการเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งในส่วนของการรับประทานอาหารนั้น
ปัจจุบันมีแนวทางในการเลือกรับประทานอาหารให้เราเลือกหลากหลายแนวทาง
อย่างที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดีสำหรับคนไทย จะเป็นเรื่องของอาหารประเภทชีวจิต
อาหารแมคโครไบโอติกส์ นอกจากนี้ ยังมีอาหารออร์แกนิกที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี้
อาหารออร์แกนิกคืออะไร
เพื่อที่จะสามารถเลือกรับประทานอาหารได้อย่างถูกต้อง ดังนั้น
เราต้องทำความเข้าใจกันเสียก่อนว่า อาหารออร์แกนิก คืออะไร และมีคุณสมบัติอย่างไร
U.S. Department of
Agriculture ตรารับรองอาหารและผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกของสหรัฐอเมริกา
กำหนดว่า คำว่า “Organic” ซึ่งใช้ได้เฉพาะกับสินค้าเกษตร
สัตว์น้ำที่จับจากแหล่งธรรมชาติ และที่มาจากการเพาะเลี้ยง
และอาหารสำหรับเลี้ยงปศุสัตว์ ทั้งที่เป็นวัตถุดิบและที่ผ่านกระบวนการแล้ว ทั้งนี้
รวมถึงผลิตภัณฑ์เกษตรที่นำมาใช้ในลักษณะที่เป็นเครื่องปรุง (Ingredient) ที่ได้รับการผลิตและการจัดการเป็นไปตามกฎระเบียบ USDA ที่กำหนดไว้ว่าแล้วเท่านั้น ซึ่งประกอบไปด้วย
1.ส่วนประกอบทุกอย่างมาจากธรรมชาติ
อาหารแบบออร์แกนิกจะไม่ใช้สารสังเคราะห์ใดๆ
เลยในขบวนการปลูกหรือเพาะเลี้ยง นั่นหมายถึงทั้งพืชผักและเนื้อสัตว์เลี้ยง
ที่อาศัยการเลี้ยงดูให้เติบโตสมบูรณ์ด้วยธาตุอาหารจากธรรมชาติ
พืชผักที่ปลูกต้องปลอดสารเคมี
โดยใช้ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกจากธรรมชาติในการปลูกเท่านั้น
ในส่วนสัตว์ก็จะเป็นการเลี้ยงดูอย่างอิสระไม่มีการให้สารเร่ง เช่น เร่งเนื้อ
เร่งไข่ ไม่มีการขุนหรือให้อาหารสังเคราะห์ใดๆ เพื่อให้สัตว์เหล่านั้นโตเร็ว
อย่างเช่น ในวงการอุตสาหกรรมทำกัน
จึงจะสามารถเรียกได้ว่าผลผลิตเหล่านี้เป็นการสร้างอาหารแบบธรรมชาติ 100% ไม่มีสารพิษเจือปน
2.ขบวนการผลิตไม่ใช้สารเคมี
หากในอาหารมีส่วนประกอบจากการใช้สารเคมีร่วมด้วยนั่น
ก็ไม่ถือว่าเป็นออร์แกนิก ซึ่งการไม่ใช้สารเคมีในที่นี้หมายถึง ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี
สารกระตุ้นหรือสารเร่งการเจริญเติบโต
โดยตามหลักมาตรฐานขององค์กรออร์แกนิกจะระบุรูปแบบอาหารออร์แกนิกไว้ 3 ระดับ คือ 100% Organic (ธรรมชาติ 100%) Organic
(ธรรมชาติ 95% ขึ้นไป
ใช้สารสังเคราะห์เพียงเล็กน้อยเท่าที่จำเป็น) และ Made with Organic
Ingredient (ธรรมชาติ 70% ขึ้นไป
ถ้าต่ำกว่านี้ไม่ถือว่าเป็น Organic) ซึ่งในส่วนของผลิตภัณฑ์ถูกนำออกมาจำหน่ายนั้น
ต้องมีป้ายบ่งบอกเปอร์เซ็นต์ลักษณะนี้ ซึ่งในต่างประเทศอย่างอเมริกา แคนาดา
ผู้บริโภคส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับการบริโภคอาหารออร์แกนิกค่อนข้างสูง โดยจะเป็น Organic
100% ซึ่งเทียบกับประเทศไทยแล้ว
เรายังไม่ค่อยเห็นความสำคัญในเรื่องนี้มากนัก
แต่ก็เริ่มมีผู้บริโภคในกลุ่มคนรักสุขภาพหันมารับประทาน Organic Food มากขึ้น เพราะพิษภัยของสารพิษที่ปนเปื้อนอยู่ในอาหารและสิ่งแวดล้อม
ทำให้ร่างกายกลายเป็นแหล่งสะสมสารพิษ และส่งผลให้เกิดภาวะเสี่ยงต่อโรคภัยไข้เจ็บ
ดังนั้น Organic Food จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้บริโภคที่ห่วงใยในสุขภาพของตัวเอง
3.กระบวนการผลิตไม่ก่อให้เกิดมลพิษในสิ่งแวดล้อม
อาหารออร์แกรนิก
นอกจากจะมุ่งให้ผู้บริโภคมีสุขภาพที่ดีจากผลผลิตนั้นแล้ว
ยังจะมีจุดประสงค์อีกประการหนึ่ง นั่นก็คือ
ความพยายามในการลดมลพิษให้กับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อย่างที่ทราบกันดีว่า
การใช้สารเคมี เช่น ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี จะส่งผลให้มีสารพิษตกค้างอยู่ในดิน
น้ำและอากาศ ดังนั้น วิธีการปลูกแบบธรรมชาติแบบนี้
จึงเป็นหนทางที่ดีที่สุดในการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม พูดง่ายๆ คือ
ดีต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมนั่นเอง
อาหารออร์แกนิก ต่างจากอาหารทั่วไปอย่างไร จากผลงานวิจัยของ
สมิธ-สแปงเกลอร์ และทีมวิจัยระบุว่า สารอาหารใน Organic Food ไม่ได้แตกต่างจากอาหารทั่วไป
ยกเว้นเสียแต่ว่ามี ฟอสฟอรัส ซึ่งผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกมีปริมาณมากกว่าเพียงเล็กน้อย
ส่วนสารอาหารในกลุ่มโปรตีนและไขมันในนม พบว่า ไม่ว่าจะนมออร์แกนิกหรือนมทั่วไปนั้น
ก็มีปริมาณสารอาหารประเภทโปรตีนและไขมันไม่ต่างกัน เพียงแต่ว่าในอาหารทั่วไปนั้น
จะใช้สารเคมีกำจัดวัชพืช ซึ่งอาจมีสารเคมีตกค้างในพืช ส่วน Organic Food ไม่ใช้ปุ๋ยเคมี สารเคมี และสารเคมีกำจัดวัชพืช
ทำให้ไม่มีสารเคมีตกค้างในพืช ซึ่งสารตกค้างเหล่านี้เอง
ที่เป็นตัวแปรสำคัญที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพและยังเป็นที่มาของโรคมะเร็ง ภูมิแพ้ โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง
ที่ผ่านมามีผลงานวิจัยที่ระบุว่า หากคุณแม่ตั้งครรภ์รับประทานอาหาร อาหารออร์แกนิกตั้งแต่ก่อนการตั้งครรภ์ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคทั้งหลาย เช่น หอบหืด
ออทิสติก ภูมิต้านทานบกพร่อง โรคมะเร็ง ที่จะเกิดขึ้นกับลูกน้อยลง
และยังช่วยทำให้คุณแม่มีสุขภาพที่แข็งแรงอีกด้วย
นอกจากนี้ผลการทดลองโดย
Environmental Working
Group (EWG) องค์กรด้านสิ่งแวดล้อมที่ไม่แสวงหาผลกำไรของสหรัฐฯ
พบว่า การทานผักผลไม้ที่มีสารเคมีปนเปื้อนในแต่ละวัน
จะทำให้ร่งากายมีโอกาสได้รับสารเคมีถึง 15 ชนิด ประมาณ 38% ของยาฆ่าแมลงที่เราใช้กันอยู่ทั่วโลกเป็นสารเคมีกลุ่มออกาโนฟอสเฟตที่รบกวนการทำงานของระบบประสาทและสมองของแมลง
ซึ่งเป็นอันตรายต่อระบบประสาทและสมองของคนและสัตว์เช่นกัน นอกจากนี้
มักมีสารไดอะซีนอนไดซัลโฟตอน อะซินฟอสเมทธิล และโฟโนฟอสอีกด้วย
โดยเป็นสารเคมีกลุ่มออกาโนฟอสเฟตที่รบกวนการทำงานของระบบประสาทและสมองของแมลง
ซึ่งแน่นอนว่าเป็นอันตรายต่อระบบประสาทและสมองของคนและสัตว์เช่นกัน
(Some images used under license
from Shutterstock.com.)
นางสาวอังคณา ไทยยันโต 5806401066
ขอบคุณที่แบ่งปันข้อมูลที่ดีเกี่ยวกับอาหารออร์แกนิก
ตอบลบอาหารออแกนิค